วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

การผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ สูตร พด.2

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ปุ๋ยน้ำชีวภาพ,น้ำสกัดชีวภาพหรือปุ๋ยหมักน้ำได้จากการสกัดน้ำเลี้ยงออกจากเซลล์พืชและหรือเซลล์สัตว์โดยใช้น้ำตาล ด้วยกระบวนการหมักแบบไม่ต้องการอากาศ โดยจุลินทรีย์ ทำให้ได้น้ำสกัดชีวภาพสีน้ำตาลใสถึงดำ ที่มีองค์ประกอบที่จากสารพวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน ฮิวมิกแอซิด ฮอร์โมน วิตามิน และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากมาย จึงเป็นแหล่งธาตุอาหารพืชทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมต่างๆอย่างครบถ้วน (แต่ต้องใช้ร่วมกับปุ๋ยทางดินจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด)สูตรการผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรต่างๆ ในถัง 150 ลิตร ใช้สารเร่ง พด.2 3 ซอง รำข้าว 10 กก.

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร 1 (เร่งการเจริญเติบโต,ยืดปล้อง,ยอด,ใบ)
พืชสด 90 กก. / กากน้ำตาล 25-30 กก. / น้ำสะอาดหรือน้ำมะพร้าวที่ผสมสารเร่ง พด 2 แล้ว 30-40 ลิตร
ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร 2 (สูตรรวม เร่งการเจริญเติบโต.ดอก,ผล)
พืชสด 50 กก./ ผลไม้สุก 40กก./ กากน้ำตาล 20-25 กก./น้ำสะอาดหรือน้ำมะพร้าวที่ผสมสารเร่ง พด.2 30-40 ลิตร
ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรปลา,หอยเชอรี่และผัก ผลไม้ (สูตรรวม เร่งการเจริญเติบโต.ดอก,ผล)
ปลา,หอยเชอรี 50 กก./ ผักและผลไม้แก่ 40 กก./กากน้ำตาล 30 กก./ น้ำสะอาด,น้ำมะพร้าวผสมสารเร่ง 30-40 ลิตรหากใช้เศษปลาหรือหอยเชอรี่อย่างเดียว(ทั้ง 90 กก.) อาจต้องใช้กากน้ำตาลเพิ่มเป็น 40 กก.เพื่อช่วยลดกลิ่นเหม็นลง
พืชสด ได้แก่ ยอดผักบุ้ง กวางตุ้ง ต้นคะน้า ผักกาดขาว ยอดและต้นตำลึง หญ้าขน หน่อไม้ หน่อกล้วย(มีส่วนยอดที่กำลังยืดตัวติดมาด้วย) ควรเก็บก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ผลไม้แก่/สุก ได้แก่ กล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก ฟักทอง ผลไม้แก่จัด(ให้มีผลไม้ที่มีเนื้อสีเหลือง-แดงร่วมด้วย)

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรฮอร์โมนไข่เร่งดอก (ในถังขนาด 10 ลิตร)
ส่วนผสม ไข่หอยเชอรี่ 5 ก.ก + กากน้ำตาล 5 ก.ก + ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร พด. 2 = 250 ซีซี + รำละเอียด 1 ขีด
หรือ ใช้ไข่ไก่ทั้งเปลือก 5 ก.ก + กากน้ำตาล 5 ก.ก + แป้งข้าวหมาก 1 ลูก + รำละเอียด 1 ขีด + ยาคูลล์ 1 ขวด โดย นำไข่ไก่ทั้งลูกปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปใส่ภาชนะผสมใส่กากน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วบดแป้งข้าวหมากให้ละเอียด เติมยาคูลล์ และรำข้าว ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าน้ำน้อยคนไม่สะดวกให้ใส่น้ำมะพร้าวลงไปพอให้คนสะดวก เสร็จแล้วนำไปบรรจุในถัง พลาสติก ซึ่งมีฝาปิดมิดชิด ตั้งทิ้งไว้ในร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก คนทุกวันหมักไว้ 7-15 วัน จึงกรองน้ำนำไปใช้ได้ หากปุ๋ยฯแห้งเกินไปให้ใส่น้ำมะพร้าวลงไปพอให้คนและตวงมาใช้ได้ หากเติมน้ำลงไปแล้วทิ้งไว้หลายวันปุ๋ยฯอาจเสียได้
ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรฮอร์โมนรกหมูเร่งดอก รกหมู 1 รกลวกในน้ำร้อน(แบบลวกหอยแครง) หั่นชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้ากับกากน้ำตาล 5 กก. ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร พด.2 250 ซีซี น้ำที่ใช้ลวก 5 ลิตร หมักทิ้งไว้ 20-30 วัน

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสมุนไพร ป้องกันและปรามหอยเชอรี่ (ในถังขนาด 30 ลิตร)
ส่วนประกอบ เหล้าขาว 0.5 -1 ขวด น้ำ 10 ลิตร กากน้ำตาล 1 กก. ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร พด.2 500 ซีซี มะกรูด 60 ลูก หัวน้ำส้ม 1 ขวด หอยเชอรี่ 10 กก. กระเทียม 1 กก. เถาวัลย์เปรียง 1 กก. เมล็ดสะเดา 1 กก. ปูนขาว 1 กก.( ต้องผสมเรียงลำดับตามนี้ )

ขั้นตอนการทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรต่างๆ
1. ละลายกากน้ำตาล + สารเร่ง พด.2 + น้ำสะอาดหรือน้ำมะพร้าว ผสมให้เข้ากันก่อน เพราะหากใส่วัสดุหมักลงไปก่อนจะละลายกากน้ำตาลและสารเร่ง ยากมาก ทำให้มีกลิ่นเหม็นได้ง่าย

2. นำส่วนผสมที่เป็นพืชสด ผลไม้ ปลาสด หอยเชอรี่สด ปู มาสับ บด โขลก หรือหั่น ให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. นำวัสดุหมัก,ส่วนผสมอื่นๆ ลงในถังหมัก เติมน้ำให้ท่วมเพื่อคนได้สะดวก (แต่ต้องเหลือพื้นที่ของถังอย่างน้อย 10 % เผื่อวัสดุอืด/ขยายตัว) คนให้เข้ากัน จากนั้นปิดฝา(ไม่ต้องสนิท) วางไว้ในที่อุณหภูมิ 30-35 องศาเซลเซียส ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากปลาหรือหอยเชอรี่ควรคนบ่อยๆ อย่างน้อยวันเว้นวันในช่วง 7 วันแรก
4. หากมีกลิ่นเหม็นบูดให้เติมกากน้ำตาล ลงไปอีกแล้วคนให้ข้ากัน
หมายเหตุ

จากการศึกษาพบว่าถ้าใช้น้ำมะพร้าวจะดีกว่าน้ำเปล่า กากน้ำตาล,น้ำตาลทรายแดง,งบน้ำอ้อยที่ยังไม่ฟอกสีจะดีที่สุด,รองมาคือน้ำตาลทรายสีรำ น้ำตาลทรายขาวตามลำดับ สูตรที่มีปลาหรือหอยเชอรี่บด ควรหมักอย่างน้อย 1-3 เดือน ภาชนะที่ใช้หมักต้องทนกรด,ทนการกัดกร่อนได้ดี แนะนำให้ใช้โอ่งมังกรหรือถังพลาสติกเนื้อเหนียว(ไฟเบอร์)ที่ใช้บรรจุสารเคมีจากต่างประเทศ(ส่วนใหญ่มีสีฟ้าเข้ม) ไม่ควรใช้ถังพลาสติกสีดำ(ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล) ถังเหล็ก อลูมีเนียมหรือโอ่งปูนเพราะจะเกิดการกัดกร่อนอย่างรุนแรง
การพิจารณาปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่สมบูรณ์แล้ว
- มีการเจริญของจุลินทรีย์น้อยลง - กลิ่นแอลกอฮอล์จะลดลง
- มีกลิ่นเปรี้ยวเพิ่มขึ้นเนื่องจากเกิดกรดอินทรีย์เพิ่มขึ้น - ไม่ปรากฏฟองก๊าซ CO2 หรือมีน้อยมาก
- ได้สารละลายหรือของเหลวสีน้ำตาลใส(ไม่ขุ่น) - ค่า pH ของปุ๋ยน้ำชีวภาพอยู่ระหว่าง 3.0 – 4.0
การนำปุ๋ยอินทรีย์น้ำไปใช้ประโยชน์
1. ใช้หมักดิน
- ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร 1, สูตร 2 และสูตรปลา,หอยเชอรี ใช้อัตรา 3-5 ลิตร/ไร่ หรือใช้ปุ๋ยน้ำ 5-10 ช้อนโต๊ะ/น้ำ 10 ลิตร ราดลงดินบริเวณโคนต้นแล้วใช้เศษพืชคลุม(หมักดินบริเวณโคนไม้ยืนต้น) ราดบนดินแล้วใช้เศษพืชหรือฟางคลุมแปลงที่จะปลูกผัก(ตอนเย็น)หมักไว้ 7–15 วัน แล้วจึงเอาฟางออกแล้วปลูกพืชตามปกติ ที่ง่ายที่สุดคือผสมน้ำ(ตามอัตราข้างต้น) ฉีดพ่น,ราดบนเศษพืชหรือตอซังหลังเก็บผลผลิต โดยฉีดพ่นตอนเย็นทิ้งไว้ 5 - 7 คืน จึงไถกลบ * ในนาข้าวใช้หยดที่หน้าท่อปล่อยน้ำเข้านา ใช้รถขลุบหรือปล่อยเป็ดย่ำตอซังให้ราบมิดน้ำ ทิ้งไว้ 10-15 วัน ตอซังฟางข้าวจะเปื่อยยุ่ย ไถพรวนได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาแก๊สพิษที่จะเป็นอันตรายต่อข้าวที่ปลูก
2. หลังจากนั้น ผสมน้ำฉีดพ่นทางใบ ให้พืช, ในนาข้าวใช้ปุ๋ยน้ำอัตรา 50-80 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบเมื่อข้าวอายุประมาณ 20 40 และ 60 วัน ในแปลงพืชผัก ใช้ปุ๋ยน้ำอัตรา 40-50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบทุก 7-10 วัน
- ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร 1 ใช้กับ ผักกินใบ และต้นไม้ต่างๆ(ระยะเจริญเติบโต)
- ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร 2 และ สูตรปลาหรือหอยเชอรี่ ใช้กับผักกินดอก ผักกินผลและผลไม้ต่างๆ(ระยะติดดอก,ออกผล และเพิ่มรสชาด) ระยะเจริญเติบโตทำให้ต้นพืชแข็งแรงมากขึ้น
- ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสมุนไพร ป้องกันและปรามหอยเชอรี่ ใช้ ยาปรามหอยเชอรี่อัตรา 3-5 ลิตร/ไร่ หรือผสมยาปรามหอยฯ 2 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นหรือราดบริเวณที่มีหอยระบาดหรือให้โดนตัวหอย ก่อนหว่านข้าว ถ้าหว่านแล้วใช้หยอดหรือผสมน้ำสาดบริเวณที่มีหอยเชอรี่อยู่(ขณะระบายน้ำออกจนแห้งหรือเกือบแห้ง) หอยไม่ตายทันทีแต่มันจะกินอาหารไม่ได้ เป็นหมัน ไข่ฝ่อ และจะค่อยๆ ตาย ส่วนปลาไม่ตายและไม่เป็นอันตรายต่อคน - ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนรกหมู (เร่งดอก) นำปุ๋ยน้ำที่ได้ 5-10 ซีซี.(ห้ามใช้มากกว่านี้) ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 5-7 วัน ควรฉีดพ่นในขณะที่แดดอ่อนหรือในตอนเช้า การฉีดพ่นเพื่อให้พืชผลออกดอกนั้น

ควรบำรุงให้ต้นพืชมีความสมบูรณ์ก่อน แล้วฉีดพ่นเมื่อพืชใกล้ออกดอก (ข้าวเมื่ออายุประมาณ 55-60 วัน) ฉีดประมาณ 1-3 ครั้ง เพื่อดึงตาดอก ดอกดกและออกพร้อมกัน ขั้วเหนียว ดอกและผลไม่ร่วง หยุดฉีดพ่นเมื่อพืชออกดอกแล้ว
หมายเหตุ เมื่อต้องการฉีดพ่นให้ทางใบควรผสมน้ำยาจับใบด้วยทุกครั้ง
1 ช้อนแกง = 10 ซีซี
ความเข้มข้นอัตรามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดพืช เช่น พืชใบเลี้ยงเดี่ยว อายุมาก ลำต้นหรือใบที่แข็งแกร่งมากกว่า สามารถใช้ปุ๋ยอัตราที่เข้มข้นมากกว่าพืชใบเลี้ยงคู่ พืชอายุน้อยหรือพืชที่มีลักษณะอวบน้ำ
ปุ๋ยอินทรีย์น้ำดังกล่าวสามารถนำไปต่อเชื้อเพื่อทำในครั้งต่อไปได้เรื่อยๆ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่กำลังสลายตัวหรือที่เป็นแล้วจำนวน 1 - 2 ลิตร / วัสดุหมักในถังขนาด 100 ลิตร
การหมักปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตรที่ใช้เร่งการเจริญเติบโต ระยะแรกช่วง 1-3 เดือนจะได้ธาตุอาหารหลัก(N-P-K) หมัก 3-6 เดือนจะได้ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม( เช่น Ca,Mg,S,Mn,Fe,Zn, ฯลฯ) เกิน 6 เดือน จะได้ฮอร์โมนเพิ่มขึ้น ตามลำดับ

เพิ่มเติม ธาตุอาหารและสารป้องกันต่างๆที่จะได้จากการหมักพืช ผลไม้และสัตว์ มีดังนี้
1. พืชสด ใช้ได้ทั้งพืชกินได้และวัชพืช ใช้ได้ทั้งต้นรวมถึงรากและอาจมีดินติดบ้างเล็กน้อย ไม่ต้องเอารออก เพราะดินมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ติดมาด้วยมากมาย ในยอดอ่อน มีธาตุโบรอน, แคลเซียม, แมกนีเซียม - ราก เหง้า หัว มีธาตุสังกะสี, ฟอสฟอรัส, ทองแดง เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
2. ผลไม้ - ผลดิบ จะมีมีธาตุโบรอน, เหล็ก
- ผลแก่จัด จะมีมีธาตุแคลเซียม, โบรอน, เหล็ก, แมกนีเซียม, ฟอสฟอรัส
- เมล็ดอ่อนแก่ มีธาตุสังกะสี, ทองแดง, เหล็ก, แมงกานีส, แมกนีเซียม, โบลิบดินัม
- ผลสุก มีธาตุฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, น้ำตาล
3. ในปลา+ เนื้อสัตว์
- เมือก,เลือดปลา ให้ไนโตรเจน,โซเดียม
- พุง เครื่องใน รก ให้เหล็ก ทองแดง
- เกล็ด ก้าง กระดูก ให้ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม
- เนื้อ ให้ไนโตรเจน อมิโนแอชิค
4. กากน้ำตาล ธาตุอาหารในกากน้ำตาลได้แก่ ลิคิวซิงซูการ์(ซูโคลส), ฟอสฟอรัส, ไนโตรเจน, ซิลิการ์, โปรแตส เซียม, แคลเซียมและแมกนีเซียม
ส่วนปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในแต่ละส่วนของพืชหรือสัตว์นั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและสัตว์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น